ผู้รับผลประโยชน์จะเป็นใครได้บ้าง

 



ผู้รับผลประโยชน์จะเป็นใครได้บ้าง

การทำประกันชีวิตไม่ได้เป็นเพียงการสร้างหลักประกันทางการเงินให้ตัวเองเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางแผนดูแลคนข้างหลังเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด ซึ่งหัวใจสำคัญคือ การระบุผู้รับผลประโยชน์” ว่าใครจะเป็นผู้ได้รับเงินประกันชีวิตนั้น

.

ผู้รับผลประโยชน์ คือใคร?

ผู้รับผลประโยชน์ (Beneficiary) คือ บุคคลหรือนิติบุคคลที่ผู้เอาประกันระบุให้รับผลประโยชน์กรณีผู้เอาประกันเสียชีวิต โดยสามารถกำหนดได้ทั้ง คนเดียวหรือหลายคน พร้อมระบุสัดส่วนการรับผลประโยชน์ เช่น 100% ให้คนเดียว หรือแบ่งเป็น 40%-30%-30% ให้หลายคนก็ได้

.

ผู้รับผลประโยชน์สามารถเป็นใครได้บ้าง?

1. บุคคลในครอบครัวและทายาทโดยธรรม

  • คู่สมรสที่จดทะเบียนตามกฎหมาย
  • บุตรตามกฎหมาย / บุตรบุญธรรม / บุตรนอกสมรสที่บิดารับรองแล้ว
  • บิดา มารดา
  • พี่น้องร่วมสายเลือด
  • ปู่ ย่า ตา ยาย
  • ลุง ป้า น้า อา

2. บุคคลอื่นที่ไม่ใช่ทายาท

ในทางกฎหมาย สามารถระบุเป็นใครก็ได้ ไม่จำกัดว่าเป็นครอบครัวเท่านั้น เช่น

  • คู่รักที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส (รวมถึงคู่รัก LGBTQ)
  • หุ้นส่วนทางธุรกิจ / เพื่อนสนิท
  • เจ้าหนี้ของผู้เอาประกัน
  • นายจ้าง – ลูกจ้าง
  • องค์กรการกุศล / มูลนิธิ / วัด

ทั้งนี้ บริษัทประกันอาจขอเอกสารหลักฐานความสัมพันธ์ เช่น การทำธุรกิจร่วมกัน การถือครองทรัพย์สินร่วมกัน เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ หากไม่ใช่ญาติใกล้ชิด

.

ถ้าไม่ระบุผู้รับผลประโยชน์เลย?

เงินประกันชีวิตจะตกเป็น ทรัพย์สินในกองมรดก และถูกจัดสรรตามพินัยกรรมที่ทำไว้ แต่หากไม่มีพินัยกรรม ศาลจะจัดการให้เป็นไปตามลำดับทายาทโดยธรรม ซึ่งอาจใช้เวลาและมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากกว่า

.

การเปลี่ยนแปลงผู้รับผลประโยชน์

  • ผู้เอาประกันสามารถ เปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์ได้ตลอดเวลา ตราบใดที่กรมธรรม์ยังมีผลบังคับ
  • ยกเว้นกรณีที่ผู้เอาประกันได้มอบกรมธรรม์ให้ผู้รับผลประโยชน์เดิม และผู้รับผลประโยชน์ได้แจ้งบริษัทประกันขอถือสิทธิ์นั้นแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนได้ เว้นแต่ยกเลิกกรมธรรม์และทำฉบับใหม่

.

ผู้รับผลประโยชน์เสียชีวิตก่อนผู้เอาประกัน

  • ถ้ามีการกำหนดสัดส่วนไว้ ส่วนของผู้ที่เสียชีวิตจะตกไปที่กองมรดกของผู้เอาประกัน
  • ถ้าไม่ได้กำหนดสัดส่วน บริษัทจะเฉลี่ยผลประโยชน์ให้ผู้รับประโยชน์ที่เหลือในสัดส่วนเท่ากัน

.

ทำไมควรระบุผู้รับผลประโยชน์ให้ชัดเจน?

  • ลดความยุ่งยากในกระบวนการจัดการทรัพย์สิน
  • ป้องกันข้อพิพาทในครอบครัว
  • สะท้อนเจตนาชัดเจนว่าใครควรได้รับความคุ้มครอง
  • ช่วยให้เงินก้อนถึงมือผู้ที่ผู้เอาประกันตั้งใจจริงโดยตรง ไม่ต้องผ่านขั้นตอนศาล

.

สรุป

ผู้รับผลประโยชน์ของประกันชีวิต สามารถเป็นใครก็ได้ ไม่จำกัดเฉพาะญาติพี่น้อง แต่ในทางปฏิบัติ บริษัทประกันมักแนะนำให้ระบุบุคคลในครอบครัวเพื่อความสะดวกและลดความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม การระบุผู้รับผลประโยชน์ที่ชัดเจน พร้อมสัดส่วนที่แน่นอน จะช่วยให้เงินก้อนจากประกันไปถึงมือคนที่คุณรักหรือองค์กรที่คุณตั้งใจ โดยไม่เกิดความล่าช้าและข้อขัดแย้งในอนาคต

ความคิดเห็น

Related stories

อนาคตของโลกการเงิน

DSCR คืออะไร?

📍อายุ 30 ปี ทำประกันชีวิต แบบไหนดีครับ