เงินเฟ้อ vs ค่าครองชีพ: ความจริงที่หลายคนมองข้าม และทางรอดด้วยการวางแผนการเงิน

 เงินเฟ้อ vs ค่าครองชีพ: ความจริงที่หลายคนมองข้าม และทางรอดด้วยการวางแผนการเงิน



หลายคนคงเคยได้ยินข่าวว่า “อัตราเงินเฟ้อ” ที่วัดจากดัชนี CPI (Consumer Price Index) อยู่ที่เพียงประมาณ 2% ต่อปี ดูเหมือนจะไม่รุนแรงนัก แต่ในความเป็นจริง “ค่าครองชีพ” ของเรากลับเพิ่มสูงกว่านั้นมาก โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเช่า และค่ารักษาพยาบาล ที่อาจเพิ่มขึ้นถึง 8–10% ต่อปี

เหตุผลสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่ “เข้าใจผิด” คือ การยึดติดกับตัวเลขเงินเฟ้อที่รายงานในเชิงมหภาค แต่ไม่ได้สะท้อนสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่เผชิญจริง ๆ ตัวเลข CPI มักเฉลี่ยจากตะกร้าสินค้าและบริการหลายประเภท แต่ค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ที่กระทบคนจำนวนมากกลับเติบโตเร็วกว่าตัวเลขที่เห็น จึงไม่แปลกที่เราจะรู้สึกว่า “เงินไม่พอใช้” แม้รายได้จะยังเท่าเดิม

เมื่อย้อนกลับไปปี 1971 โลกเลิกใช้ “มาตรฐานทองคำ” ทำให้รัฐบาลและธนาคารกลางสามารถพิมพ์เงินได้ไม่จำกัด ผลลัพธ์คือมูลค่าเงินค่อย ๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทุกบาทที่เราถือไว้ในกระเป๋าจึงซื้อของได้น้อยลงเรื่อย ๆ หากรายได้หรือการลงทุนไม่เติบโตทันกับค่าครองชีพ คนส่วนใหญ่ก็จะ “ยากจนลงโดยไม่รู้ตัว”

แล้วเราควรทำอย่างไร?

คำตอบคือ “วางแผนการเงิน” ให้เงินทำงานแทนเรา ตั้งแต่วันนี้ เพื่อสร้างความมั่นคงระยะยาว โดยเฉพาะการวางแผน เกษียณชีวิต และการใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม เช่น ประกันชีวิต หรือ ประกันบำนาญ ซึ่งช่วยให้

* เรามีเงินออมที่เติบโตสู้กับเงินเฟ้อ
* ได้รับความคุ้มครองในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด
* วางแผนเกษียณอย่างมีระบบ มีเงินใช้แม้ไม่มีรายได้ประจำ

เพราะในโลกที่มูลค่าเงินลดลงทุกวัน “การไม่วางแผน” คือความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุด หากวันนี้คุณยังไม่ได้เตรียมการ อนาคตอาจหนักกว่าที่คิด แต่ถ้าเริ่มวางแผนตอนนี้ ไม่เพียงปกป้องครอบครัว ยังสร้างหลักประกันให้ตัวเองใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมั่นคง

---

✅ เริ่มต้นวันนี้ เพื่ออนาคตที่มั่นคงของคุณและครอบครัว
#ประกันชีวิต #การวางแผนเกษียณ #ค่าครองชีพ #เงินเฟ้อ #วางแผนการเงิน #ไทยประกันชีวิต

ความคิดเห็น

Related stories

อนาคตของโลกการเงิน

DSCR คืออะไร?

📍อายุ 30 ปี ทำประกันชีวิต แบบไหนดีครับ